นั่นคือความหมายของการให้ที่แท้จริง ให้แม้กระทั่งกับคนที่เคยทำร้ายเรา
เพราะความดีไม่จำเป็นต้องมีใครรู้ ขอแค่มีคนได้รับ
“อย่าไปหาหมอคนนั้นเลย เขาคงฟอกเงินไม่ก็ทดลองยากับคนไข้แน่ๆ ไม่งั้นทำไมถึงไม่คิดเงิน”
เสียงซุบซิบนินทาดังแว่วมาตามลม ขณะที่หมอหญิงวัยกลางคนกำลังก้มหน้าก้มตาดูแลแปลงผักสมุนไพรหลังคลินิกเล็กๆ ของเธอ 🏥
หกปีแล้วที่เธอเปิดคลินิกในชุมชนแออัดแห่งนี้ รักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่ายา เก็บค่าตรวจเพียงเล็กน้อยสำหรับคนที่พอจะมี และไม่เก็บเลยสำหรับคนที่ไม่มี
“หมอคะ” เสียงเรียกจากด้านหลัง “มีคนไข้รอตรวจค่ะ”
“ขอบใจนะพี่แดง” หมอตอบพลางถอดถุงมือทำสวน “เดี๋ยวหมอจะรีบไป”
พี่แดง พยาบาลอาสาที่ทำงานกับหมอมานาน มองดูแปลงผักสมุนไพรที่เขียวชอุ่ม
“คนในชุมชนเขาคงไม่รู้นะคะว่า ที่หมอปลูกผักพวกนี้ไว้…”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” หมอยิ้มบาง “เขาไม่จำเป็นต้องรู้”
ทุกเช้า ก่อนเปิดคลินิก หมอจะออกไปเดินแจกถุงผักสมุนไพรตามบ้านผู้ป่วยที่ยากไร้ โดยเฉพาะคนชราที่อยู่คนเดียว วางถุงผักไว้หน้าประตูเงียบๆ แล้วเดินจากมา
“หมอ ระวังนะคะ” พี่แดงเตือน “มีคนเห็นหมอไปแถวบ้านป้าจันทร์บ่อยๆ เขากำลังซุบซิบกันใหญ่ว่าหมอไปทำอะไร”
ป้าจันทร์เป็นคนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายที่หมอดูแลอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” หมอตอบเบาๆ “ขอแค่ป้าแกได้กินอาหารที่มีประโยชน์ก็พอ”
วันหนึ่ง มีการประชุมชาวบ้านเรื่องการไล่ที่ ผู้รับเหมารายใหญ่ต้องการพื้นที่ไปสร้างคอนโดมิเนียม
“ผมว่าหมอคนนี้แหละ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกน “ที่แอบไปคุยกับผู้รับเหมา คงได้เงินก้อนใหญ่แน่ๆ ถึงได้มาทำทีเป็นคนดี รักษาคนไข้ฟรี” 😡
หมอนั่งฟังเงียบๆ ไม่ได้แก้ตัว ทั้งที่ความจริงเธอเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอเงินก้อนใหญ่จากบริษัทผู้รับเหมาไป
คืนนั้น ขณะที่หมอกำลังรดน้ำต้นสมุนไพร มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งมาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“หมอครับ แม่ผม… แม่ผมไม่หายใจแล้ว”
เด็กชายคนนั้นเป็นลูกชายของคนที่เพิ่งกล่าวหาเธอในที่ประชุม
หมอรีบคว้ากระเป๋าแพทย์วิ่งตามไปทันที 🏃🏻♀️➡️
สามชั่วโมงผ่านไป หมอเหนื่อยอ่อนนั่งพิงผนัง หลังจากช่วยผู้ป่วยรอดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
“หมอ… ผม…” ชายคนที่เคยกล่าวหาเธอพูดเสียงสั่น
“พักผ่อนเถอะค่ะ” หมอตัดบท ลุกขึ้นเก็บของ “พรุ่งนี้เช้าหมอจะมาดูอาการอีกที”
“แต่ผมพูดไม่ดีกับหมอ…”
“คนเราพูดอะไรออกไปก็ได้เวลาที่กลัวและกังวล” หมอยิ้มบาง “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
เช้าวันต่อมา มีถุงผักสมุนไพรวางอยู่หน้าประตูบ้านเหมือนเคย พร้อมกับโน้ตเล็กๆ:
“ต้มกับน้ำร้อน ดื่มวันละสามครั้ง จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น”
ไม่มีชื่อผู้ให้ แต่ทุกคนรู้ว่าใครเป็นคนนำมาวาง
ปีต่อมา เมื่อมีการประชุมชุมชนอีกครั้ง ชาวบ้านลุกขึ้นคัดค้านการไล่ที่อย่างแข็งขัน
“เราจะไม่ย้ายไปไหน” เสียงหนึ่งตะโกน “ที่นี่มีคลินิกที่ดูแลพวกเราเหมือนครอบครัว”
หมอนั่งฟังเงียบๆ อยู่มุมห้อง ริมฝีปากยิ้มบาง
คืนนั้น ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นสมุนไพร พี่แดงเดินมานั่งข้างๆ
“หมอคะ ทำไมหมอถึงไม่เคยบอกความจริงกับชาวบ้าน? ว่าที่หมอปฏิเสธเงินก้อนใหญ่ไป ว่าที่หมอต้องกู้เงินมาซื้อยาและเมล็ดพันธุ์…”
“พี่แดงเคยสังเกตต้นไม้ไหม?” หมอถามพลางพรวนดิน “มันไม่เคยบอกใครว่ามันให้ร่มเงา ให้ออกซิเจน ให้ผล… มันแค่ทำหน้าที่ของมันอย่างเงียบๆ”
“แต่บางคนก็ยังพูดไม่ดีกับหมออยู่นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” หมอยิ้ม “เหมือนต้นไม้ที่ไม่เคยโกรธที่มีคนมาพ่นสีใส่ มันก็แค่รอให้ฝนมาชะล้าง แล้วก็ทำหน้าที่ของมันต่อไป”
ยามเย็นวันหนึ่ง มีชายชราคนหนึ่งมานั่งรอตรวจ เขาสังเกตเห็นรอยสีสเปรย์บนกำแพงคลินิก มีข้อความด่าทอหมอด้วยถ้อยคำรุนแรง
“หมอไม่คิดจะทาสีทับหรือครับ?” เขาถาม
“ไม่หรอกค่ะ” หมอตอบพลางจดบันทึกการตรวจ “เดี๋ยวฝนก็ชะออกไปเอง”
“แต่มันน่าเจ็บใจนะครับ ทั้งที่เราทำดีแท้ๆ…”
“ลุงรู้ไหมคะ” หมอเงยหน้าขึ้นยิ้ม “ดอกไม้ที่สวยที่สุดบางครั้งก็เติบโตขึ้นมาจากโคลนตม ความดีก็เหมือนกัน บางทีมันต้องผ่านความไม่เข้าใจ ผ่านคำครหา ก่อนที่มันจะเบ่งบาน”
“แล้วหมอไม่ท้อบ้างหรือ?”
“ท้อสิคะ” หมอหัวเราะเบาๆ “แต่ทุกครั้งที่ท้อ หมอก็มองไปที่สวนสมุนไพรหลังคลินิก เห็นต้นไม้เติบโตทุกวัน เห็นผู้คนแข็งแรงขึ้น มันก็มีกำลังใจ” 💪🏻
“เหมือนที่คนโบราณว่า ต้นไม้ไม่เคยถามว่าใครจะมาพักใต้ร่มเงา มันแค่ยืนต้นให้ร่มเย็นกับทุกคน…” 🌳
“ใช่ค่ะ” หมอยิ้ม “และบางทีการได้เห็นรอยยิ้มของคนที่หายป่วย ก็มีค่ามากกว่าคำชมเสียอีก”
ค่ำคืนนั้น หมอนั่งเขียนบันทึกประจำวันเหมือนทุกวัน:
“วันนี้ต้นสมุนไพรออกดอกอีกหนึ่งต้น
ป้าจันทร์ยิ้มได้ หลังกินน้ำต้มสมุนไพรติดต่อกันหนึ่งเดือน
เด็กชายข้างคลินิกไข้ลด หลังกินยาต้มจากใบย่านาง
และมีคนมาพ่นสีที่กำแพงอีกครั้ง
แต่ไม่เป็นไร
เพราะพรุ่งนี้ฝนจะตก
และดอกไม้จะบาน
และผู้คนจะหายป่วย
และความรักจะงอกงามในทุกหัวใจ
แม้ในใจของคนที่เคยเกลียดชัง”
นั่นคือความหมายของการให้ที่แท้จริง – การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้แม้กระทั่งกับคนที่เคยทำร้ายเรา เพราะความดีไม่จำเป็นต้องมีใครรู้ ขอแค่มีคนได้รับ
Cr.PAGEนิทานใจ , Cr.Wanida Natjumnong